จากกรณีที่มีผู้โดยสารคนไทยในสนามบินสุวรรณภูมิพบเห็นชายชาวจีนล้มลงต่อหน้าและมีการโพสต์ลงเฟสบุ๊ค ส่วนตัวถึงชายคนดังกล่าวว่าเสียชีวิตเนื่องจากไวรัสโคโรน่า
กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) กระทรวงดิจิทัลฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) เพื่อให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีข่าวปลอมไวรัสโคโรนา ที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และกระทรวงสาธารณสุขได้เฝ้าระวังและติดตามข่าวจากสื่อโซเชียล เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และดำเนินคดีกับผู้โพสต์ ผู้แชร์ข่าวที่เป็นเท็จ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดการส่งต่อข้อมูลซึ่งจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก
จากที่ได้ที่ได้กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีระบบจับผู้ปล่อยข่าวปลอมตามกระบวนการของกฎหมาย แต่ในประเทศที่เป็นต้นตอของการระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าอย่างประเทศจีนอาจจะไม่มีกฎหมายที่จัดการกับผู้ปล่อยข่าวปลอมอย่างเข้มงวดแต่กลับปรากฎว่าผู้ที่ได้โพสต์ข่าวปลอมหรือเผยแพร่ข่าวที่เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าได้หายตัวไปทีละคน
การโพสต์ การแชร์ข่าวปลอม ข่าวลวง นอกจากจะเป็นภัยทั้งด้านสุขภาพแล้ว ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจสังคมของประเทศ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ คอยเฝ้าระวังและตรวจจับผู้เผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่า ซึ่งการเผยแพร่ข่าวปลอมดังกล่าวนี้อาจจะยังมีความผิดตามพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ส.2550